โรคกล้วยไม้ที่สำคัญ

โรคกล้วยไม้ที่สำคัญลักษณะอาการการแพร่ระบาดและการป้องกันกำจัด

1.โรคเน่าดำโรคยอดเน่าหรือโรคเน่าเข้าไส้ (Black rot)

ลักษณะอาการ

เกิดได้ทุกส่วนของกล้วยไม้เกือบทุกสกุลสามารถสังเกตsอาการของโรคได้ดังนี้

  • ราก : เป็นแผลสีดำเน่าแห้งยุบตัวลงหรือรากเน่าแห้งแฟบต่อมาเชื้อจะลุกลามเข้าไปในต้น
  • ต้น : เชื้อราเข้าทำลายได้ทั้งทางยอดและโคนต้นทำให้ยอดเน่าดำถ้าทำลายโคนต้นใบจะเหลืองและหลุดร่วงจนหมดเรียกว่าโรคแก้ผ้า
  • ใบ : เป็นจุดใสชุ่มน้ำสีเหลืองต่อมาสีเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแล้วเป็นสีดำในที่สุดในสภาพที่มีความชื้นสูงแผลจะขยายใหญ่ลุกลามอย่างรวดเร็ว  เชื้อราจะสร้างเส้นใยสีขาวละเอียดบนแผลเน่าดำนั้น
  • ก้านช่อดอก : เป็นแผลเน่าดำลุกลามจนก้านช่อดอกหักพับ
  • ดอก : เป็นจุดแผลสีดำมีสีเหลืองล้อมรอบแผลนั้นกรณีที่เป็นกับดอกตูมขนาดเล็กดอกจะเน่าแล้วหลุดจากก้านช่อ

การแพร่ระบาด

โรคนี้แพร่ได้ง่ายเนื่องจากสปอร์ของเชื้อราจะกระเด็นไปกับน้ำในระหว่างการรดน้ำมักระบาดในฤดูฝนโดยกระเด็นไปกับน้ำฝน

การป้องกันกำจัด

  • อย่าปลูกกล้วยไม้แน่นจนเกินไป
  • ถ้าพบโรคนี้ในระยะลูกกล้วยไม้ให้แยกออกถ้าเป็นกับต้นกล้วยไม้ที่โตให้เผาทำลาย
  • ไม่ควรให้น้ำกล้วยไม้ตอนเย็นใกล้ค่ำ  โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวเพราะจะทำให้เกิดสภาพอากาศเย็นความชื้นสูงซึ่งเหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อนี้  โรคจะแพร่ระบาดรุนแรงได้ง่ายขึ้น
  • ในกรณีที่ปลูกกล้วยไม้บนพื้นดินเหนียวควรรองพื้นด้วยขี้เถ้าแกลบก่อนปูด้วยกาบมะพร้าวเพื่อช่วยระบายน้ำและช่วยป้องกันไม่ให้โรคนี้ทำลายกล้วยไม้ในระยะแรก

 2. โรคดอกสนิมหรือจุดสนิม (Flower rusty spot)

 ลักษณะอาการ

เป็นโรคที่พบมากในกล้วยไม้สกุลหวายโดยจะเกิดเป็นจุดขนาดเล็กสีเหลืองอมน้ำตาลบนกลีบดอกเมื่อจุดขยายโตขึ้นจะมีสีเข้มคล้ายสีของสนิม

การแพร่ระบาด

โรคจะระบาดอย่างรวดเร็วถ้ามีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานานๆหรือมีน้ำค้างลงจัด

การป้องกันกำจัด

  • เก็บดอกกล้วยไม้ทั้งที่ร่วงและเป็นโรคเผาทำลาย
  • น้ำที่ใช้รดกล้วยไม้ที่ไม่ใช่น้ำประปาควรผ่านการฆ่าเชื้อด้วยผงคลอรีนอัตรา5 กรัมต่อน้ำ400 ลิตร  แล้วปล่องทิ้งค้างคืนจนหมดกลิ่นจึงนำไปใช้
  • การใช้ปุ๋ยในระยะออกดอกควรใช้ปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงเพื่อเพิ่มความต้านทานต่อโรคหรือลดความรุนแรงของโรค

 

3. โรคใบปื้นเหลือง (Yellow leaf spot)

ลักษณะอาการ

เกิดจุดกลมสีเหลืองที่ใบบริเวณโคนต้น ถ้าอาการรุนแรงจุดเหล่านี้จะขยายติดต่อกันเป็นปื้นสีเหลืองตามแนวยาวของใบ เมื่อพบดูด้านหลังใบจะพบกลุ่มผงสีดำ ในที่สุดใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและหลุดร่วงจากต้น

การแพร่ระบาด

โรคนี้แพร่ระบาดมากช่วงปลายฤดูฝน จนถึงฤดูหนาว โดยสปร์จะปลิวไปตามลม หรือกระเด็นไปกับละอองน้ำที่ใช้รดต้นกล้วยไม้

การป้องกันกำจัด

  • เก็บรวบรวมใบที่เป็นโรค เผาทำลาย

 

4. โรคใบจุด หรือโรคใบขี้กลาก (Leaf Spot)

ลักษณะอาการ

  • กล้วยไม้สกุลแวนด้า  มีลักษณะแผลเป็นรูปยาวรีคล้ายกระสวย ถ้าเป็นมาก แผลจะรวมกันเป็นแผ่น บริเวณตรงกลางแผลจะมีตุ่มนูนสีน้ำตาลดำ  ลูบจะรู้สึกสากมือ  ชาวสวนจึงเรียกโรคนี้ว่า โรคขี้กลาก
  • กล้วยไม้สกุลหวาย  มีลักษณะแผลเป็นจุดกลมสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ  ขอบแผลมีสีน้ำตาลอ่อน แผลมีขนาดเท่าปลายเข็มหมุด จนถึงขนาดใหญ่ประมาณ 1 เซนติเมตร  บางครั้งแผลจะบุ๋มลึกลงไป หรืออาจนูนขึ้นมาเล็กน้อย หรือเป็นสะเก็ดสีดำเกิดขึ้นได้ทั้งด้านบน และ ใต้ใบ บางครั้งอาจมีอาการเป็นจุดกลมสีเหลือง เห็นได้ชัดเจนก่อน แล้วจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นจุดสีดำทั้งวงกลม

การแพร่ระบาด

แพร่ระบาดได้ตลอดปี สำหรับกล้วยไม้สกุลแวนด้า ระบาดมากในช่วงปลายฤดูฝน จนถึงฤดูหนาว โดยสปอร์ของเชื้อรา  ปลิวไปตามลม หรือกระเด็นไปกับน้ำ

การป้องกันกำจัด

  • รวบรวมใบที่เป็นโรคเผาทำลาย

 

5. โรคเน่า (Rot)

ลักษณะอาการ

เริ่มแรกเป็นจุดฉ่ำน้ำบนใบหรือหน่ออ่อน จากนั้นแผลจะเริ่มขยายขนาดขึ้น และเนื้อเยื่อมีลักษณะเหมือนถูกน้ำร้อนลวก ใบจะพองเป็นสีน้ำตาล ขอบแผลมีสีเหลืองเห็นได้ชัดเจน ภายใน 2-3 วัน เนื้อเยื่อใบจะโปร่งแสง มองเห็นเส้นใบ ถ้าอาการรุนแรงจะทำให้กล้วยไม้เน่ายุบตายทั้งต้น

การแพร่ระบาด

ในสภาพอากาศร้อนและความชื้นสูง โรคจะแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

การป้องกัน

  • เก็บรวบรวมส่วนที่เป็นโรคเผาทำลาย
  • ควรปลูกกล้วยไม้ในโรงเรือนหรือใต้หลังคาพลาสติก ถ้ามีโรคเน่าระบาดให้งดการให้น้ำระยะหนึ่ง อาการเน่าจะแห้ง ไม่ลุกลามหรือระบาด

 

6. โรคไวรัส (Virus)

ลักษณะอาการ

อาการที่ปรากฏแตกต่างกันไปตามชนิดของเชื้อไวรัส และชนิดของกล้วยไม้ บางครั้งกล้วยไม้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่อาจจะแสดงอาการหรือไม่แสดงอาการออกมาให้ปรากฏก็ได้  ลักษณะอาการที่มักพบบ่อยๆมีดังนี้

1. ลักษณะใบด่าง ตามแนวยาวของใบ มีสีเขียวอ่อนผสมสีเขียวเข้ม

2. ยอดบิด ช่วงข้อจะถี่สั้นแคระแกร็น

3. ช่อดอกสั้น กลีบดอกบิด เนื้อเยื่อหน่าแข็งกระด้าง บางครั้งกลีบดอกจะมีสีซีดตรงโคนกลีบ หรือ ดอกด่างซีด ขนาดเล็กลง

การแพร่ระบาด

เชื้อไวรัสแพร่ระบาดได้ง่ายโดยติดไปกับเครื่องใช้ต่างๆ เช่น มีด กรรไกร ที่ใช้ตัดหน่อเพื่อขยายพันธุ์ หรือใช้ตัดดอกและตัดแต่งต้น

การป้องกันกำจัด

1. ถ้าพบต้นกล้วยไม้อาการผิดปกติดังกล่าว ใหเแยกออกแล้วนำไปเผาทำลาย อย่านำไปขยายพันธุ์

2. ทำความสะอาดเครื่องมือเครื่องใช้ทุกครั้งที่มีการตัดแยกหน่อ หรือดอก โดยจุ่มในน้ำสบู่ น้ำผงซักฟอกทุกครั้งเพื่อฆ่าเชื้อก่อน

3. ควรดูแลรักษาต้นกล้วยไม้ให้สมบูรณ์อยู่เสมอ

4. ควรตรวจสอบพันธุ์กล้วยไม้ก่อนนำไปขยายพันธุ์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

  1. โรคราเมล็ดผักกาด (Stem rot)

สาเหตุ  เชื้อรา Sclerotium rolfsii Sacc.

ลักษณะอาการ  

เชื้อราจะเข้าทำลายกล้วยไม้บริเวณราก หรือโคนต้น บริเวณที่ถูกทำลายจะเป็นสีเหลืองและน้ำตาล ตามลำดับ  เนื้อเยื่อจะผุเปื่อย  ถ้าอากาศชื้นมากๆ จะมีเส้นใยสีขาวแผ่ปกคลุมบริเวณโคนต้น พร้อมกับมีเมล็ดกลมๆขนาดเล็กสีเหลืองอมน้ำตาล คล้ายเมล็ดผักกาดเกาะอยู่ตามโคนต้น

การแพร่ระบาด 

ทำความเสียหายมากในฤดูฝน เชื้อราจะแพร่กระจายไปกับลมและน้ำ

การป้องกันกำจัด

ตรวจดูแปลงอย่างสม่ำเสมอ ถ้าพบต้นที่เป็นโรคให้เก็บรวบรวมแล้วเผาทำลาย

พ่น ไวตาแวกซ์ หรือ คูเลเตอร์ สารคาร์บอกซิน 75% อัตรา 10 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก 7 วัน/ครั้ง 

การใช้สารป้องกันกำจัดโรคที่สำคัญของกล้วยไม้

โรค

สารป้องกันกำจัดโรค

         (ชื่อสามัญ)

อัตราการใช้ /

น้ำ 20 ลิตร

วิธีการใช้

โรคเน่าดำ/

โรคยอดเน่า/

โรคเน่าเข้าไส้

ฟอสฟอรัสแอซิด  30-50 มิลลิลิตร

อีทริไดอะโซล 20 กรัม

เมทาแลกซิล 40 กรัม

ฟอสเอทธิล-อะลูมิเนียม 25-50 กรัม

 

ควรพ่นในช่วงที่แดดไม่จัด

ไม่ควรผสมกับปุ๋ยและสารเคมีอื่นๆ

ควรพ่นสลับกับสารเคมีอื่น

อัตราต่ำ ใช้ป้องกันโรค /อัตราสูงใช้กำจัดโรค

ไม่ควรใช้ผสมกับปุ๋ยใดๆ

โรคดอกสนิม/

โรคดอกจุด

แมนโครเซบ  30 กรัม

ควรพ่นให้ทั่วและควรผสมสารเสริมประสิทธิภาพ

โรคใบปื้นเหลือง

คาร์เบนดาซิม 20 กรัม

แมนโครเซบ 30 กรัม

เบโนมิล 6-8 กรัม

ควรพ่นสารให้ถูกกับพื้นที่ผิวใบ

ใบที่มีสปอร์ และปรับหัวพ่นเพื่อให้ทั่วทั้งบนใบและใต้ใบ

ควรพ่นสารอื่นสลับกันเพื่อป้องกันการต้านทานสารเคมี

ใบจุด/

ใบขี้กลาก

 

โรคเน่า

คาร์เบนดาซิม 20 กรัม

แมนโครเซบ 30 กรัม

สเตรปโตมัยซิน 10 กรัม

ออกซิเตตตระไซครินโปรเคน

เพนนิซิลิน-จี

คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ 20 กรัม

 ระยะเวลาในการพ่นสาร ขึ้นอยู่กับความรุนแรง และการระบาด

ห้ามใช้ในอัตราที่เข้มข้นมากกว่าที่กำหนด

หรือใช้ติดต่อกันเกิน 2 ครั้ง ควรสลับด้วยสารในกลุ่มสัมผ้ส

 โรคไวรัส

  ผงซักฟอก 400 กรัม

 ทำควรสะอาดเครื่องมือเครื่องใช้ทุกครั้งที่มีการตัดแยกหน่อ

หรือดอก  โดยการจุ่มในสารละลายผงซักฟอก

 อ้างอิง:Thai Orchids Magazine

 

 

 

Visitors: 805,566